
อายแทน : คอลัมน์ ทิ้งหมัดเข้ามุม โดย รุก กลางกระดาน
https://www.khaosod.co.th/newspaper-column/relevant/news_5701121
อายแทน
: คอลัมน์ ทิ้งหมัดเข้ามุม โดย รุก กลางกระดาน
อายแทน : คอลัมน์ ทิ้งหมัดเข้ามุม โดย รุก กลางกระดาน - ต้องยอมรับว่าเกิดความรู้สึกทุกครั้งที่เขียนถึงการควบคุมการระบาดโควิด-19 ของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
โดยความรู้สึกดังกล่าวก็คือความอับอาย ที่ต้องตอกย้ำซ้ำทวนเรื่องเดิมๆ โดยไม่พบการพัฒนาใดๆ ให้ได้เห็นเป็นรูปธรรม
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องมาตรการที่ออกมาจำกัดสิทธิของประชาชนเพื่อป้องกันการระบาด ที่เปรียบเสมือนไม้หลักปักขี้เลน ที่โย้ไปเย้มาได้ตลอด
วันนึงจะบอกให้ท้องถิ่นพิจารณามาตรการเอง พอกทม.ออกมาตรการมา ก็ไม่พอใจล้วงลูกปรับเปลี่ยน
จู่ๆ อยากจะขู่ให้ทุกคนต้องติดตั้งแอพพลิเคชั่นหมอชนะ ก็พูดโดยไม่ได้คำนึงถึงการเข้าถึงทรัพยากรของคนส่วนใหญ่ในประเทศ
พอถูกด่า ถูกตำหนิ ก็พลิกกลับทันใด ระบุไม่มีความผิด แถมยังโยน ให้สื่อ โยนให้คนที่วิพากษ์วิจารณ์ว่าสร้างความสับสนให้สังคม
การสร้างภาระให้ประชาชนด้วยการจำกัดการเดินทาง อย่าง 5 จังหวัดที่ไม่ล็อกดาวน์ แต่ควบคุมเข้มงวด ต้องไปแออัดยัดเยียดขอใบอนุญาตเดินทาง
บางทีให้มาขอกันวันต่อวัน ก่อนจะปรับเปลี่ยนให้ยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น
ในขณะที่สิ่งที่ควรจะรีบออกมา ซึ่งก็คือการเยียวยาดูแลประชาชน คนตัวเล็ก ตัวน้อยที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการรัฐให้ใช้ชีวิตรอดในภาวะที่ยากลำบากเช่นนี้
กลับนิ่งเงียบ หายไปกับสายลม!??
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนแสดงให้เห็นถึงปัญหาและศักยภาพในการบริหารงานที่มีขีดจำกัด
และหากทบทวนให้ดี ก็ต้องรู้ว่าการระบาดครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก รัฐบาล มีเวลากว่า 1 ปีที่จะเตรียมพร้อมรับสถานการณ์
แต่กลับใช้เวลาไปกับเรื่องการเมือง ไล่จับคนเห็นต่าง แจ้งข้อหาม็อบนักศึกษากันอย่างเต็มที่
พอเป็นเรื่องบ้านเมืองที่ต้องใช้ความรู้ความสามารถกลับไปกันไม่เป็น
นอกจากนี้ต้นเหตุของการระบาดระลอกใหม่ ซึ่งก็คือขบวนการค้ามนุษย์และบ่อนการพนัน ก็มีเพียงการย้ายนายตำรวจออกจากตำแหน่ง
ไม่มีนายหน้าค้ามนุษย์ ไม่มีนายบ่อนคนไหนถูกจับกุมดำเนินคดี มีแต่ผู้ดูแลเล็กๆ น้อยๆ ที่พอจะเอาความได้เท่านั้น
ก็ต้องย้ำคำเดิมจริงๆ ว่าหมดหวังกับประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ และหากยังไม่มีความละอายใดๆ ก็ขออนุญาตที่จะอับอายแทนแล้วกัน
โดย รุก กลางกระดาน
7 ความเห็น
ทรัมป์อาจทำลายโลกมากกว่าที่คิด
https://www.thairath.co.th/news/foreign/2009695
11 ม.ค. 2564 05:01 น.
ผู้นำโลกที่ขึ้นสู่อำนาจอย่างสวยงาม แต่ตอนลง ลงอย่างหกคะเมนตีลังกา เป็นที่ขยะแขยงแขงขนของผู้คนทั่วโลก มักจะเป็นผู้นำที่พาประเทศชาติไปสู่สงครามและพ่ายแพ้ย่อยยับอัปราชัยกลับมา อย่างเช่น อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ซึ่งเป็นผู้นำพรรคแรงงานสังคมนิยมแห่งชาติเยอรมัน หรือพรรคนาซี ที่ขึ้นสู่อำนาจใน ค.ศ.1933 พอถึง ค.ศ.1934 คนเยอรมันได้แสดงประชามติไว้วางใจให้ดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศ หรือที่เรียกว่าฟือเรอร์
หลังจากนั้น ฮิตเลอร์ใช้อำนาจเผด็จการปกครองประเทศตามอุดมการณ์ของพรรคนาซีและนำเยอรมนีเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 2 จนเกือบชนะ ฮิตเลอร์มีอาการป่วยทางจิต แม้ว่าในระยะหลังของสงคราม ความหวังที่จะชนะเลือนรางเต็มที แต่ฮิตเลอร์ก็ไม่เคยคิดยอมแพ้ แถมยังประกาศว่า ถ้าเยอรมนีแพ้ ยุโรปก็ต้องย่อยยับไปด้วย และจะไม่มีประเทศไหนชาติใดได้อะไรไปจากความพ่ายแพ้ของเยอรมนี
ค.ศ.1945 ฮิตเลอร์สั่งทำลายโรงงานอุตสาหกรรมที่มีเครื่องจักรขนาดใหญ่ ทำลายเส้นทางการคมนาคมขนส่ง ทำลายอาคารสถานที่ที่ยังสามารถใช้ประโยชน์ได้ เมื่อความพ่ายแพ้ปรากฏเค้าลาง หมาตายเห็บเริ่มกระโดดหนี ฮิตเลอร์ต้องบัญชาการรบในช่วงบั้นปลายท้ายของสงครามอย่างโดดเดี่ยวจากห้องพักในหลุมหลบภัยในทำเนียบของฟือเรอร์ ฮิตเลอร์ไม่เคยออกจากห้องพัก กลายเป็นคนเงียบขรึม เข้าใจยาก และหมกมุ่นกับตัวเอง
30 เมษายน 1945 ฮิตเลอร์สั่งฆ่าสุนัขประจำตัวพันธุ์อัลเซเชียน เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ประจำทำเนียบเพื่อกล่าวลา แม้ได้ทราบว่ากองทัพโซเวียตเข้ายึดครองสถานที่ที่ห่างจากทำเนียบเพียง 1-2 ช่วงตึก ฮิตเลอร์ก็ไม่แสดงอาการตื่นเต้น กลับทานอาหารกลางวันเป็นปกติ กล่าวลาเจ้าหน้าที่ผู้ใกล้ชิด 2-3 คนอีกครั้ง ก่อนกลับเข้าห้องพร้อมอีวา เบรา ภรรยา
15.30 น. ฮิตเลอร์สั่งให้อีวาดื่มยาพิษ และตัวเองก็ยิงตัวตาย ขณะที่มีอายุ 56 ปี จนถึง 7 พฤษภาคม 1945 จอมพลเรือ คาร์ล เดอนิทซ์ ผู้นำคนใหม่ของเยอรมนีก็ประกาศยอมแพ้สงครามโดยปราศจากเงื่อนไข มีผลทำให้จักรวรรดิไรค์ที่ 3 ล่มสลายลง
ใครจะนึกว่าผู้นำโลกอย่างฮิตเลอร์จะคิดเรื่อง Concentration Camp หรือค่ายกักกัน ที่ใช้กักขังพลเมืองเชื้อชาติใดเชื้อชาติหนึ่งและพวกที่ฮิตเลอร์คิดว่าไม่มีคุณค่า เช่น ยิปซี กลุ่มคนรักเพศเดียวกัน โสเภณี ฯลฯ
ย้ำอีกครั้งหนึ่งครับ ใครจะนึกว่าในโลกนี้จะมีผู้นำที่ป่วยขนาดใช้นโยบายการทำลายล้างจนมีชาวยิวตายระหว่าง ค.ศ.1941-1945 ถึง 6 ล้าน ส่วนคนที่ถูกจับอยู่ในค่ายกักกัน มีทั้งหมดถึง 18-26 ล้าน ใครจะนึกเล่าครับว่าผู้นำโลกในสมัยนั้น จะใจโหดเห้ยมขนาดสร้างห้องรมก๊าซที่บรรจุชาวยิวได้ครั้งละ 2,000 คน และรมไปจนกระทั่งถึงจำนวนเป็นล้านคนในค่ายกักกันเอาช์วิตซ์
โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นผู้นำมหาอำนาจโลกอย่างสหรัฐฯ ขึ้นมาปุ๊บ ก็ใช้นโยบายทำให้อเมริกายิ่งใหญ่ จัดการกับชนกลุ่มน้อยละตินอเมริกันและผู้คนจากโลกอิสลามที่อยู่ในสหรัฐฯ สร้างความปั่นป่วนให้กับระบบเศรษฐกิจโลกด้วยสงครามการค้ากับจีน
ผมเป็นคนหนึ่งซึ่งทั้งเคยเขียนและบรรยายในหลายสถานที่ ตั้งข้อสงสัยว่าทรัมป์ป่วย และอาจจะมีอาการป่วยทางจิตคล้ายกับฮิตเลอร์
คนที่ตามความเคลื่อนไหวระหว่างประเทศอย่างผิวเผินก็อาจจะไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับโควิด-19 แต่คนที่เก็บรายละเอียดทุกการกระดิกพลิกตัวอย่างพวกนักการระหว่างประเทศสัญชาติจีนและรัสเซียที่ต้องเก็บข้อมูลส่งรัฐบาลของตัวเอง ต่างมีข้อสังเกตว่า หากสงครามการค้าไม่ได้ผล ทรัมป์อาจจะบ้าทำ “สิ่งที่เป็นอันตรายต่อมนุษยชาติอย่างยิ่ง” เพื่อยับยั้งการเจริญเติบโตของจีน และเพื่อสร้างสหรัฐฯให้ยิ่งใหญ่แบบเดียวกับฮิตเลอร์ที่จะสร้างเยอรมนีให้ยิ่งใหญ่
เมื่อไม่มีหลักฐานก็ไม่มีใครอยากเขียนอยากพูด แต่นักการระหว่างประเทศบางคนมโนว่าโควิด-19 อาจจะเกิดมาจากอาการป่วยทางจิตของผู้นำโลกบางคนก็ได้.
นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัย
songlok1997@gmail.com
ไอ้เห้ตู่ออกไป
การ์ตูนแม่งวาดแสบดี บอกทรัมป์ถ้าอยากยึดทำเนียบต้องเลียนแบบพันธมิตร กปปส.ยึดทำเนียบไม่ต้องมีความผิดอะไรมีอำนาจพิเศษถึงมีความผิดก็แค่ขี้ผงเท่านั้น ส่วนทรัมป์ตายหยั่งเขียดไม่มีอำนาจพิเศษมีเพียงแค่อำนาจชั้นเดียวไม่เหมือนนกหวีด วาดได้อร่อยมากต้องใช้นกหวีดผม
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_2523833